วันเสาร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

คุณคิดว่าการอยู่ดีกินดี จะมีอยู่ในการดำรงชีพในชนบทหรือไม่???

 ในภาวะเศรษฐกิจในประเทศและของโลกที่ไม่แน่นอน  มีการแปรเปลี่ยนไปตามสิ่งเร้าต่างๆ  ไม่ว่าจะเป็นราคาน้ำมัน  อาหารการกินนานาชนิดหรือแม้กระทั่งสภาพการเมืองในประเทศในปัจจุบัน  ทำให้ประชาชนระดับรากหญ้าที่ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ภูมิภาคและชนบทนั้นจะต้องตระหนักและเตรียมรับมือต่อสถานการณ์ที่แปรผันอยู่ตลอดเวลานี้ให้ดี
        สิ่งสำคัญที่สุดและความต้องการของคนเราในช่วงที่มีชีวิตอยู่นั้นก็คือ  การอยู่ดีกินดี  ไม่ว่าจะเป็นชนชั้นใดหรือเชื้อชาติสัญชาติใดก็ตาม  ต่างมีความหวังตั้งใจที่จะเข้าไปสู่เป้าหมายดังกล่าวให้มากที่สุดหรือใกล้เคียงที่สุด  แต่ในสภาพความเป็นจริงแล้วมีคนบางส่วนเท่านั้นที่สามารถก้าวเข้ามาถึงจุดที่ว่า อยู่ดีกินดี  โดยสาเหตุหนึ่งที่ไม่สามารถก้าวมาถึงจุดนี้ได้ก็เพราะความไม่รู้จักพอ  การไม่รู้จักตัวเองอย่างถ่องแท้

 

วันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

คุณคิดว่าการดำรงชีพในชนบทต้องยากจนเสมอไปหรือไม่???

        ความจน กลายเป็น สิ่งที่ฝังอยู่ในตัวทุกคนแล้วว่า ต้องอยู่ในที่ที่ เป็นนอกเมือง ไม่ใช่ใน เมือง เพราะ ทุกคนคิดว่า นอกเมืองก็คือชนบท ชนบทก็คือสิ่งที่ไม่มีสิ่งที่อำนวยความสะดวก ใดๆทั้งสิ้น กินอนยู่ตามมีตามเกิด จนทำให้ คนทั่วไป คิดว่า คนที่อยู่ในชนบท มักจะเป็นคนจน เนื่องจากดูแค่องค์ประกอบภายนอก จากสิ่ง ที่เห็นและเป็นอยู่เท่านั้น  แล้วคุณละคิดว่า คนที่อยู่ในชนบท จะเป็นคนที่ยากจนเสมอไป หรือป่าว ????
       

วันศุกร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2555

คุณคิดว่าค่าครองชีพในการดำรงชีพในชนบท จะแตกต่างจากสังคมในเมืองหรือไม่ ???

       ใน สังคมเมืองและสังคมชนบทย่อมมีความ เจริญที่แตกต่างกันออกไป ในเมืองย่อมเจริญ กว่า จะซื้อหาสิ่งของใดๆ ก็ซื้อหาได้ตามสะดวก ซึ่งต่างจากในชนบทจะซื้อหาอะไรก็ซื้อยาก มีแต่ของไม่ทันสมัย ที่กิน ที่อยู่ก็ต่างจากในเมือง คำว่าทันสมัยกับ ไม่ทันสมัย นี้ ค่า กินค่าอยู่จะแตกต่างกันหรือ ว่าค่ากินค่าอยู่ ค่า ใช้จ่ายในการดำรงชีวิตจะไม่แตกต่างกัน  อยู่ในเมืองจะเสียเยอะกว่า อยู่ชนบทหรือเปล่า หรือว่า อยู่ ในชนบทจะเสียเยอะกว่าในเมืองหรือเปล่าแล้วคุณละ  คุณคิดว่าระหว่างค่าครองชีพในเมืองกับ ชนบทจะแตกต่างกันหรือว่าเท่ากัน ???

คุณคิดว่าการดำรงชีพในชนบทจะมีความสุขมากน้อยเพียงใด

  ความสุขที่ยั่งยืนไม่ได้อยู่ไกลจนถึงขนาดต้องวิ่งตาม ทุกอย่างอยู่ที่ใจ เพียงแค่เก็บเกี่ยวและเดินช้า ๆ  เพื่อลองฟังเสียงหัวใจเต้นดูบ้าง ชีวิตที่  ฟูฟ่าที่ว่าดีนักหนานั้น ไม่ใช่วิถีดีที่เหมาะสมอย่างยั่งยืนแต่อย่างใด สุขแบบตูมตามครั้งเดียว แล้วหาไม่ได้อีกเลยตลอดชีวิต หรือจะสู้สุขทีละนิด แต่สุขนาน ๆ ได้  ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตที่เคยหรูหรา มาสู่วิถีสามัญที่ยั่งยืนดีกว่า....




       

วันศุกร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2555

คุณคิดว่า การดำรงชีพในชนบทเป็นการดำรงชีพแบบ พอเพียงหรือไม่ ??

ชีวิตแบบพึ่งพาและพอเพียง มิใช่พึ่งพิงและไม่เพียงพอ
           ความสุขในชีวิตของคนทำงานไม่ได้ขึ้นอยู่กับตำแหน่งหน้าที่การงานหรือระดับเงินเดือน แต่ขึ้นอยู่กับว่าคนๆนั้นมีความรู้เท่าและตามทันจิตใจของตัวเองได้มากน้อยเพียงใดมากกว่า คนทำงานทุกคนจะมีทั้งความสุขและความทุกข์คละเคล้ากันไป ไม่ใช่ว่าคนระดับล่างจะมีแต่ความทุกข์เพียงอย่างเดียว ไม่ใช่ผู้บริหารระดับสูงจะมีแต่ความสุขความอย่างเดียว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าใครรู้จักคำว่าพอเพียงมากกว่ากัน ตอนเราเริ่มทำงานใหม่ๆ เราคิดว่าถ้าเงินเดือนมากพอๆกับหัวหน้าของเราในตอนนั้น เราน่าจะมีความสุขและเพียงพอ แต่เมื่อเวลาผ่านไปเราได้เงินเดือนพอๆกับเงินเดือนหัวหน้าหรืออาจจะมากกว่า แต่ทำไมเรารู้สึกว่ามันยังไม่ค่อยพออีกเหมือนเดิม เราเคยหวังว่าถ้าได้เป็นผู้จัดการเราน่าจะทำงานอย่างมีความสุขมากขึ้น แต่เมื่อเป็นแล้วยังตอบไม่ได้เต็มปากเต็มคำว่าสุขหรือทุกข์
         ความไม่รู้จักพอของเรานี่เองจะนำเราไปสู่ความทุกข์ การไขว่คว้าในสิ่งที่ไม่ใช่สาระที่แท้จริงในชีวิต บางคนทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งเงินทองและความร่ำรวย บางคนทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งความรัก บางคนทำทุกวิถีทางที่จะให้ตัวเองดูดี หรือมีความก้าวหน้าในอาชีพการงาน ชื่อเสียงทางสังคม โดยที่ไม่รู้ว่าสิ่งที่ได้มานั้นเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตหรือไม่มากน้อยเพียงใด สักแต่ต้องการและต้องไขว่คว้าให้ได้มาก่อนเท่านั้น


วันเสาร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2555

คุณคิดว่าการดำรงชีพในชนบทมีการอยู่แบบสถาวะที่อิงอาศัยหรือว่า มีการอยู่แบบสภาวะที่โดดเดี่ยว

         ในการอยู่แบบชนบท มักจะมีสิ่งสำคัญ นั่นก้คือการพึ่งพาช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อยู่เสมอ แต่ก็ไม่แน่เสมอไปเพราะว่า ในเมืองบางสังคม ก็อาจจะมีการพึ่งพาช่วยเหลือ ซึ่ง กัน และกันอยู่ เสมอ สังคมแต่ละสังคมย่อมแตกต่างกันออก ไป เพราะการอยู่แบบโดดเดี่ยวอาจจะไม่ได้มีแค่ สังคมในเมือง ก็ได้อาจจะมีทั้ง สั้งคมเมืองและสังคม ชนบทแล้วแต่สังคมนั้นๆ แล้วคุณคิดว่า การดำรงชีพในชนบท มีสภาวะการอยู่แบบใด ???


วันศุกร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2555

คุณคิดว่าการดำรงชีพในชนบทต่างจากการดำรงชีพในเมืองอย่างไร ???



  

การดำรงชีพ ในชนบท กับการดำรงชีพในเมือง ย่อมมีความแตกต่างที่ไม่เหมือนกันออกไป อยู่ที่ว่า แต่ละ สังคมจะเป็นอย่าง แล้วคุณละ คิดว่า สังคม สองสังคม นี้ แตกต่างกันหรือเปล่า ???

   
   


 









                                                                                                     

คุณความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับการดำรงชีพในชนบท ??

            ความยากจนที่เกิดกับคนชนบทในแต่ละภาคนั้น คนชนบทได้มีการช่วยเหลือตนเองให้อยู่รอดด้วยการหารายได้มาจุนเจือครอบครัว โดยการโยกย้ายออกจากท้องถิ่นมารับจ้างทำงานในเขตที่มีความเจริญ เช่น ในเขตเกษตรก้าวหน้า โดยการรับจ้างทำงานในไร่นา ในปัจจุบันประเพณีดั้งเดิมของคนชนบทที่ให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันในการดำนาและเกี่ยวข้าว ที่เรียกกันว่า "ลงแขก" คือ เพื่อนบ้านช่วยกันทำงานในไร่นาซึ่งกันและกันเพื่อให้งานเสร็จทันเวลา โดยไม่คิดค่าจ้างแต่อย่างใดนั้น ได้เลิกไปแล้วเกือบทั้งหมด เนื่องจากปัจจุบันวิถีการดำเนินชีวิตต้องอาศัยเงินมากขึ้น จึงต้องทำโดยการรับจ้าง ส่วนบางคนก็เข้าสู่ตัวเมืองหรือกรุงเทพฯ แล้วทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม เช่น ทอผ้า ผลิตอาหารกระป๋อง หรือการรับจ้างทั่วไปในร้านอาหาร ภัตตาคาร บ้านที่อยู่อาศัย หรือเป็นกรรมกรแบกหาม ขับรถรับจ้าง ฯลฯ คนชนบทจึงเข้าปะปนกับคนเมือง วิถีชีวิตของคนชนบทก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปตามสภาพสิ่งแวดล้อมของเมือง ดำเนินชีวิตแบบคนเมือง เช่น ฟังวิทยุ และมีการคมนาคมขนส่งที่ทันสมัยมากขึ้น การกินอยู่ก็ได้กินอาหารที่มีคุณค่ามากขึ้น เครื่องใช้  เช่น พัดลม และวิทยุ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเขามากขึ้น ความนิยมในเพลงลูกทุ่งเริ่มเข้าแทนที่การละเล่นพื้นบ้าน เช่น หมอลำ โปงลาง หรือลิเก